พระพุทธรูปประจำวันเสาร์
ปางนาคปรก
ลักษณะพระพุทธรูป
พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ
ทรงหงายพระหัตถ์ทั้งสองแบวางซ้อนกัน บนพระเพลา
พระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้าย
มีพญานาคแผ่พังพานปกคลุมเบื้องพระเศียร
ประวัติและความสำคัญ
ครั้นพระพุทธองค์เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข ณ
ร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น ๗ วัน
แล้วพระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขยังร่มไม้จิก
อันมีชื่อว่า มุจจลินท์
ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์
วันนั้นเกิดฝนตกพรำอยู่ไม่ขาดสายตลอด ๗ วัน พญานาคมุจจลินท์
ผู้เป็นราชาแห่งนาค ได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย ๗ ชั้น
แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบน
เหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า
ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบ
ยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลด้วย ครั้งฝนหายแล้ว
พญามุจจลินท์นาคราช จึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกาย พระพุทธเจ้า
จำแลงเพศเป็นมาณพน้อยยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์
ในที่เฉพาะพระพักตร์
ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า สุโข วิเวโก
ตุฏฺฐัสสะ สุตะธัมมัสสะ ปัสสะโต อัพยาปัชชัง สุขัง โลเก ปาณะภูเตสู
สัญญะโม สุขา วิราคะตา โลเก กามานัง สะมะติกฺกะโม อัสมิมานัสสะ
วินะโย เอตัง เว ปะระมัง สุขัง ฯ ความว่า
ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้ว
รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียน
คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความเป็นคนปราศจากความกำหนัด
คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้
เป็นสุขในโลกความนำออกเสียซึ่งอัสมินมานะ
คือความถือตัวตนให้หมดได้นี้เป็นสุขอย่างยิ่ง
พระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตติสุข
ภายในวงขนดของพญานาคมุจจลินท์นาคราชที่ขดแวดล้อมพระกายอยู่นี้
เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้นมา เรียกว่า ปางนาคปรก
เรื่องพระปางนาคปรกนี้
นิยมสร้างเป็นพระนั่งบนขนดตัวพญานาคเหมือนเอานาคเป็นบัลลังก์ดูสง่า
องอาจเป็นพระเกียรติอำนาจของพระองค์อย่างหนึ่ง
ได้ลักษณะเป็นอย่างพระเจ้าของพราหมณ์
ถ้าจะรักษาลักษณะของพระพุทธรูปตามประวัติ
ก็จะเป็นไปอีกในลักษณะหนึ่งคือ
พระพุทธรูปจะมีพญานาคพันรอบพระวรกายด้วยขนดตัวพญานาคถึง ๔-๕ ชิ้น
จนบังพระวรกายมิดชิด เพื่อป้องกันฝนและลม จะเห็นได้ก็เพียงพระเศียร
พระศอ และพระอังสาเป็นอย่างมาก
ทั้งเบื้องบนก็มีหัวพญานาคแผ่พังพานปกคลุมอีกด้วย
คาถาสวดบูชา
ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง
ชีวิตา
โวโรเปตา เตน สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ คัพภัสสะ ฯ |