พระพุทธรูปประจำวันจันทร์
ปางห้ามญาติ
ลักษณะพระพุทธรูป
พระพุทธรูปปางนี้นอยู่ในพระอริยาบถยืน
พระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระ
ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงห้าม
เป็นแบบทรงเครื่องก็มี
ประวัติและความสำคัญ
ณ พระนครกบิลพัสดุ์ อันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับของเจ้าศากยะ
ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธบิดา
กับพระนครเทวทหะอันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับอยู่ของเจ้าโกลิยะ
ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธมารดา
ทั้งสองพระนครนี้ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโรหิณี ชาวนาของ ๒ พระนครนี้
อาศัยน้ำในแม่น้ำโรหิณีนี้ ทำนาร่วมกันมาโดยปกติสุข
ต่อมาสมัยหนึ่งฝนแล้ง น้ำน้อย น้ำในแม่น้ำโรหิณีเหลือน้อย
ชาวนาทั้งหมดต้องกั้น ทำนบทดน้ำในแม่น้ำโรหิณีขึ้นมาทำนา
แม้ดังนั้นแล้ว น้ำก็ยังไม่พอ เป็นเหตุให้มีการแย่งน้ำกันทำนาขึ้น
ขั้นแรกก็เป็นการวิวาทกันเฉพาะเพียงบุคคลต่อบุคคล
แต่เมื่อไม่มีการระงับด้วยสันติวิธี
การวิวาทนั้นก็ลุกลามมากขึ้นจนถึงคุมสมัครพรรคพวกเข้าไปประหารกัน
และด่าว่ากระทบถึงชาติ โคตร และลามปามไปถึงราชวงศ์
ในที่สุดกษัตริย์ผู้เป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าทั้งสองเมือง
ก็ยกกำลังพลเข้าประชิดกัน เพื่อแย่งน้ำ
โดยหลงเชื่อคำยุยุงพูดเท็จของอำมาตย์ที่กำลังเคียดแค้น
มิทันได้ทรงวินิจฉัยให้ถ่องแท้แน่นอนว่า
เมื่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นเกิดขึ้น ควรจะระงับด้วยสันติวิธี
พระพุทธเจ้าทรงทราบก็ทรงพระมหากรุณาเสด็จมาห้าม
สงครามการแย่งน้ำระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย
โดยทรงแสดงโทษคือความพินาศย่อยยับของชีวิตมนุษย์โดยเหตุอันไม่สมควร
ที่พระราชาจะต้องมาล้มตายทำลายเกียรติของตน
เพียงเพราะแย่งน้ำกันทำนาเพียงเล็กน้อย
ครั้นแล้วพระญาติทั้งสองฝ่ายก็ทำความเข้าใจกันได้และหันมาสามัคคีกัน
พระพุทธจริยาที่ทรงโปรดพระญาติ เพื่อห้ามมิให้ทะเลาะวิวาท
สู้รบกันเพราะเหตุแห่งการแย่งน้ำนี้
เป็นมงคลแสดงอนุภาพแห่งธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
พุทธศาสนิกชนผู้หนักในธรรมคำสอน
เล็งเห็นคุณอัศจรรย์แห่งอนุสาสนีปาฎิหาริย์
จึงถือเป็นเหตุในการสร้าง พระพุทธรูปขึ้น เรียกว่า ปางห้ามญาติบ้าง
ปางห้ามสมุทรบ้าง
คาถาสวดบูชา
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห
ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห
ทุสสุปินัง อะกันตัง ธัมมานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห
ทุสสุปินัง อะกันตัง สังฆานุภาเวนะ วินาสเมนตุ ฯ |